ช่วงต้นปีอากาศดีๆ แบบนี้ ‘ไข้หวัด’ มักมาเยี่ยมเยือนเด็กๆ อยู่เสมอ ทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบจะเป็นไข้ได้ง่าย เนื่องจากกลไกควบคุมอุณหภูมิร่างกายของเขายังทำงานได้ไม่ดีพอ การเป็นไข้ในเด็กเล็กๆ มักเกิดจากปฏิกิริยาโต้ตอบ ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ซึ่งกว่า 95 เปอร์เซ็นต์จะหายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยา แต่สำหรับเด็กเล็กๆ หากมีไข้สูงนานกว่า 24 ชั่วโมง หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ต้องรีบพาไปพบคุณหมอทันทีค่ะ
แม่จ๋า…หนูไม่สบายตัว
นอกจากอาการไข้ตัวร้อน ที่บ่งบอกว่าลูกไม่สบายแล้ว คุณแม่ต้องสังเกตอาการอย่างอื่นที่บ่งชี้ว่า ลูกกำลังป่วยร่วมด้วย เพราะบางครั้งเด็กไม่สบายก็ไม่ได้มีอาการตัวร้อนก่อน ถ้าลูกไม่ร่าเริง ง่วงซึมตลอดเวลา ไม่ยอมดูดนมตามปกติ ปฏิเสธอาหารเสริมที่เคยชอบ โยเย ร้องกวนมาก หรือร้องเสียงสูงๆ แสดงอาการหงุดหงิด โมโห กระสับกระส่าย ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติที่ทำให้ไม่สบายตัวแล้วล่ะค่ะ
คุณหมอประจำบ้าน
การพาลูกไปพบแพทย์เมื่อลูกไม่สบายเป็นเรื่องจำเป็น แต่ถึงลูกจะได้พบแพทย์แล้ว ได้ยามาทานแล้ว แต่การดูแลเขายังคงเป็นหน้าที่ของคุณแม่อยู่ดี ยิ่งในเด็กเล็กๆ แม้เพียงไข้หวัดก็อาจทำให้เขาไม่สบายตัวได้ถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
ระหว่างนี้คุณแม่ต้องคอยป้อนยาให้เขาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ถ้าลูกป่วยเนื่องจากหวัด เวลานอนก็ควรจัดให้ลูกหนุนหมอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าตัวเล็กน้อย เพื่อให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้น และหมั่นเช็ดตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เขาด้วยค่ะ
และสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในการดูแลลูกยามเจ็บป่วย ซึ่งคุณหมอที่โรงพยาบาลช่วยไม่ได้ ก็คือการสร้างความอุ่นใจให้ลูก คุณแม่คงเป็นคนพิเศษคนเดียวที่จะทำหน้าที่นี้ได้
หายป่วย…ด้วยมือแม่
ยามลูกไม่สบายเขาต้องการความอบอุ่นจากคุณแม่มากเป็นพิเศษ การสัมผัสอย่างอ่อนละมุนของแม่ อย่างการอุ้มพร้อมโยกตัวเบาๆ หรือแม้เพียงการวางมือลงบนตัวลูกแล้วลูบไล้ ก็ช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัวขึ้นได้
นอกจากนี้ระหว่างที่ลูกป่วย คุณแม่ควรพูดคุยกับลูกให้บ่อยขึ้น ไม่ต้องห่วงว่าลูกจะไม่เข้าใจที่คุณพูด เพราะทารกสามารถจดจำเสียงของแม่ได้ตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องแล้ว เสียงของคุณจึงเป็นเสียงแห่งความคุ้นเคยที่สร้างความสบายใจให้ลูกได้เป็นอย่างดี การพูดคุยกับลูก แม้เขาจะยังไม่สามารถเข้าใจหรือคุยบอกเล่าความไม่สบายกายของเขาออกมาให้คุณรับรู้ได้ แต่เชื่อเถอะว่า เขาจะมีความสุข และรู้สึกผ่อนคลายความเครียดจากการเจ็บป่วยลงได้
สำหรับลูกเล็กๆ ที่เจ็บป่วย ความอบอุ่นและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแม่ นับเป็นยาอีกขนานหนึ่งที่จะช่วยให้เขาหายป่วยได้เร็วขึ้นค่ะ
————–
บรรยายภาพ
ล้อมกรอบ 1
การวัดไข้เด็ก
ภาพ 01 กรณีใช้แถบวัดไข้เด็ก ควรทำความสะอาดหน้าผากลูกด้วยการใช้ผ้าขนหนูเช็ดเบาๆ ก่อน
ภาพ 02 จากนั้นติดแถบวัดไข้เด็กบริเวณกลางหน้าผากลูกโดยใช้นิ้วกดที่ปลายทั้งสองด้านไว้ รอประมาณ 30 วินาที แล้วดูว่าแถบสีเขียวขึ้นที่ตัวเลขใด
ภาพ 03 อีกวิธีหนึ่งที่สะดวกคือการใช้ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล ซึ่งวัดได้รวดเร็วอ่านค่าได้ง่าย
ภาพ 04 กรณีวัดไข้ทางรักแร้ ให้สอดปรอทวัดไข้ไว้ที่รักแร้ของลูก แล้วจับที่ข้อศอกเขาไว้ให้แขนแนบชิดกับลำตัว รอจนมีเสียงปิ๊บเตือนจึงอ่านค่า
________________________
ล้อมกรอบ 2
การป้อนยาด้วยกระบอกฉีดยาพลาสติก (Syringe)
ภาพ 05 กระบอกฉีดยาพลาสติกมีหลายขนาด ตั้งแต่ 1, 3, 5 ไปจนถึง 10 ซีซี
ภาพ 06 ข้อดีของการใช้กระบอกฉีกยาคือ มีขีดบอกปริมาตรที่ละเอียดแม่นยำ ทำให้สามารถดูดยาได้ตรงตามปริมาณที่ต้องการ
ภาพ 07 วิธีการอุ้มเด็กไว้ในวงแขน ค่อยๆ ฉีดยาในหลอดเข้าบริเวณกระพุ้งแก้มด้านใดด้านหนึ่งของลูก ไม่ควรฉีดเข้าตรงกลางปากเพราะลูกจะสำลักยาได้ง่าย ควรป้อนช้าๆรอจนกว่าลูกจะกลืนยาหมด
________________________
ล้อมกรอบ 3
ดื่มยาจากถ้วย
ภาพ 08 ยาน้ำสำหรับเด็กมักมีถ้วยตวงยามาให้ในกล่องยา โดยอาจมีขีดบอกปริมาตรเทียบเป็นช้อนชา เช่น 1/4, 1/2, 3/4 ช้อนชา หรือบางยี่ห้อก็ระบุเป็นซีซี ก่อนให้เด็กดื่มควรตรวจสอบปริมาตรยาให้พอดีกับที่ฉลากยาระบุไว้
ภาพ 09 ยาบางชนิดมีรสชาติขมเฝื่อน ถ้าขมมากคุณแม่สามารถเติมน้ำสะอาด หรือน้ำหวานลงไปเพื่อให้มีรสชาติอ่อนลงเด็กจะรับประทานได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ควรผสมยากับนม
ภาพ 10 การประคองลูกอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้เขายอมดื่มยาได้ง่ายขึ้น
________________________
ล้อมกรอบ 4
การใช้หลอดหยดยา
ภาพ 11 การป้อนยาลูกด้วยหลอดหยดยา ต้องบีบที่หัวยางด้านบนของหลอดหยดยาเพื่อไล่อากาศออกก่อน จุ่มหลอดหยดลงในยา ค่อยๆ ปล่อยให้ยาถูกดูดขึ้นมาจนได้ปริมาตรที่กำหนด ถ้าเกินให้บีบออก
ภาพ 12 ข้อควรระวังในการใช้หลอดหยดยาคือ เวลาดูดยาต้องไม่ให้มีฟองอากาศเข้าไปในหลอดหยด เพราะจะทำให้ปริมาณยาที่ดูดเข้าไปไม่ตรงตามความต้องการ
ภาพ 13 ใช้วิธีเดียวกับการป้อนยาด้วยกระบอกฉีดยาคือ อุ้มลูกไว้ในวงแขน ค่อยๆ หยดยาในหลอดเข้าบริเวณกระพุ้งแก้มด้านใดด้านหนึ่งของลูกช้าๆ
________________________
ล้อมกรอบ 5
ช้อนป้อนยา
ภาพ 14 ช้อนป้อนยามักมาในกล่องยา ทำให้มีรูปร่าง สีสัน และขีดบอกปริมาตรแตกต่างกันออกไป จึงควรอ่านฉลากยาและสังเกตขีดที่ช้อนก่อนทุกครั้ง
ภาพ 15 หรือ 16 เด็กที่เคยรับประทานยาที่มีรสชาติหวานดื่มง่ายอาจยอมรับประทานยาจากช้อนแต่โดยดี แต่ถ้าเขาไม่ยอมคุณแม่อาจรินยาใส่ช้อนแล้วใช้กระบอกฉีดยาพลาสติกดูดยาป้อนให้ลูก หรือจะเทียบปริมาตร ดังนี้
1/4 ช้อนชา = 1.25 ซีซี
1/3 ช้อนชา = 1.70 ซีซี
1/2 ช้อนชา = 2.50 ซีซี
3/4 ช้อนชา = 3.75 ซีซี
1 ช้อนชา = 5 ซีซี
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร M&C แม่และเด็ก
ปีที่ 33 ฉบับที่ 455 มกราคม 2553