บ่อยครั้งอาหารอันโอชะที่คุณแม่บรรจงปรุงแต่งอย่างพิถีพิถันไม่สามารถมัดใจลูกน้อยวัยซนได้ โดยเฉพาะกับลูกวัย 1-6 ปี ที่จะให้กินอาหารแต่ละมื้อคุณแม่แทบหมดแรงเลยทีเดียว คุณแม่บางท่านถึงกับหมดความมั่นใจไปเลยว่า…หรือเป็นเพราะฝีมือทำอาหารของเรานั้นจะไม่ได้เรื่องกันแน่?
ความจริงแล้วสาเหตุการไม่ยอมทานอาหารของเด็กวัยนี้ ไม่เกี่ยวกับรสชาติหรือหน้าตาของอาหารสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เด็กวัย 1-6 ปีนั้น เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง ค้นพบอิสระในการเคลื่อนไหว สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ทำให้เขาพบว่า มีเรื่องอื่นที่น่าทำมากกว่าการนั่งลงรับประทานอาหารตั้งเยอะ
(หน้า 2 ภาพ 002 003 009)
กินยากเรื่องพบง่าย
เชื่อมั้ยคะว่า มีคุณแม่ถึง 61.67% ทะเลาะกับลูกเรื่องการทานข้าวมาแล้ว นี่เป็นผลการสำรวจจากสวนดุสิตโพล ที่ทำการสอบถามความคิดเห็นของคุฯแม่ที่มีลูกอายุ 2-6 ขวบ จำนวน 1,148 คน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ วิธีการแก้ปัญหาของคุณแม่ 2 อันดับแรก ที่พบว่ามีถึง 35% จัดการจบความปั่นป่วนของมื้ออาหารนั้นด้วยการอ้อนวอนและติดสินบนลูก และอีก 17.88% บ่นและดุว่า ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีเลย
ต่างวัยต่างความชอบ
คุณแม่ที่มีลูกทานยาก ควรรู้ว่าระดับความอยากอาหาร ความชอบ และวิธีการรับประทานอาหารของเด็กแต่ละวัยนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น หากจะเป็นคุณแม่ที่รู้ใจเรื่องการกินของลูก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า…
>> เด็กอายุ 1 ขวบครึ่งถึง 4 ขวบ จะกินช้ามากเพราะห่วงเล่น ชอบให้หลอกล่อ ให้แม่ป้อนและชมเวลากิน
>> เด็ก 5 ขวบ ไม่ชอบอาหารที่เป็นก้อน หรือเป็นแท่ง ชอบพูดขณะกินอาหาร และยังอยากให้คุณแม่ป้อนอยู่ถึงจะตักอาหารเองได้แล้วก็ตาม
>> เด็ก 6 ขวบ ชอบกินอาหารคำโตๆ กินหกเลอะเทอะ และมักจะคายออกทันทีถ้าไม่ถูกใจ
>> มื้อเย็นลูกมักอยากและทานอาหารได้มากกว่ามื้อเช้า
>> ความเร็วในการรับประทานอาหารสัมพันธ์กับความสามารถในการเคลื่อนไหวของเด็ก
เทคนิคกระตุ้นความหิว
เมื่อรู้ใจลูกแต่ละวัยแล้วก็มาถึงการสร้างแรงจูงใจ ให้เด็กๆ เกิดความอยากรับประทานอาหาร ซึ่งได้แก่ การ…
>> เตรียมอาหารหลายๆ ชนิด เพื่อให้ลูกเลือกทานได้
>> ไม่ตักอาหารให้ลูกมากเกินไป จนลูกรู้สึกว่ากินไม่ไหวแน่ๆ
>> อย่ายอมให้ลูกทานนม หรือขนมแทนข้าว ถ้าเขาไม่ทานอาหารมื้อหลัก
>> ให้ลูกได้นั่งโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมกับพ่อแม่และทานอาหารแบบเดียวกับผู้ใหญ่ เขาจะเกิดความรู้สึกว่า เขาโตแล้ว และภาคภูมิใจกับการได้ตักอาหารรับประทานเอง
>> ปิดทีวี เกมคอมพิวเตอร์ระหว่างรับประทานอาหาร เพื่อให้ลูกมีสมาธิในการกินมากขึ้น
>> หากเขายังมัวโยกโย้ไม่ยอมรับประทานเมื่อทุกคนอิ่มแล้วให้เก็บอาหาร หรือกำหนดเวลามื้ออาหารลูกแต่ละมื้อไว้ไม่เกินมื้อละ 30 นาที
เรื่องความหลากหลายของอาหารนั้น หากจะให้ได้ประโยชน์ และคุณค่าทางอาหารเต็มที่ควารเน้นทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้
เด็กบางคนไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ เพราะเหนียว เคี้ยวยาก ควรบดหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้รับประทานง่ายขึ้น
การเลือกผักที่มีสีสันสดใส อย่างแครอท ฟักทอง มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว จะช่วยให้เด็กอยากลองรับประทานมากขึ้น แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ลองนำผักไปชุบแป้งทอด หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปผสมในอาหารที่ลูกชอบ
ส่วนผลไม้นั้น อาจเริ่มจากเลือกผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยรับประทานง่าย อย่างแอปเปิ้ลแช่เย็นหั่นให้ลูกถือแทะเล่น เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับการรับประทานผลไม้ หรืออาจให้ลูกได้ช่วยทำน้ำผลไม้ง่ายๆ อย่างคั้นน้ำส้ม ก็ได้อร่อยแบบมีประโยชน์และความสนุกจากการได้ลงมือคั้นน้ำผลไม้เองจะช่วยเพิ่มความอร่อยได้อีกเยอะ
หน้า 3 (ภาพ 005 006 007 008 เรียงกัน เล็กๆ ก็ได้)
เปลี่ยนมื้อป่วนเป็นมื้อโปรด
การชักชวนให้ลูกช่วยทำอาหารด้วย จะช่วยให้เด็กๆ สนุกและอยากกินอาหารที่ตนเองมีส่วนร่วมในการทำมากขึ้น
เรื่องนี้ น้องแพงขวัญ – ด.ญ. พรรณภัสสร สุขสกล และคุณแม่กรองกาญจน์ ชูสังข์ มีวิธีง่ายๆ ในการทำอาหารที่ได้คุณค่าครบถ้วน มาฝากค่ะ นั่นก็คือ การทำ “แซนด์วิชสุดรัก” โดยคุณแม่จะเตรียมแม่พิมพ์สำหรับตัดขนมปัง แฮม ชีส และไข่ดาว ให้เป็นรูปต่างๆ ทั้งดอกไม้ และหัวใจไว้ ซึ่งน้องแพงขวัญจะสนุกกับการปั๊มพิมพ์ลงบนขนมปังมาก นอกจากนี้การได้ทาน้ำสลัด วางแฮม ผักต่างๆ ลงบนขนมปัง ก็ทำให้แซนด์วิชที่มีส่วนประกอบแสนธรรมดา (แต่มีสารอาหารครบทุกหมู่) อร่อยขึ้นเยอะเลยล่ะ
การฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลาและครบทุกหมู่นั้น ในช่วงแรกๆ คุณแม่อาจจะต้องเหนื่อยและใช้ความอดทนมากสักหน่อย แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ ลูกก็จะคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารเมื่อถึงเวลา แล้วทีนี้มื้ออาหารที่แสนปั่นป่วนก็จะกลายเป็นมื้อโปรดของทั้งคุณและลูก
TIPS :
>> อาหารมื้อเช้า เป็นมื้อสำคัญสำหรับเด็กๆ คุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาในการทำอาหารเช้า ควรเตรียมอาหารไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เพื่อให้ลูกได้รับประทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าในเวลาอันรวดเร็ว
>> เด็กที่มีพี่ มักชอบเลียนแบบพี่ ดังนั้น หากคุณฝึกลูกคนพี่เรื่องการกินได้สำเร็จ ลูกคนน้องก็มักจะไม่มีปัญหาเรื่องการกินยาก
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร M&C แม่และเด็ก
ปีที่ 33 ฉบับที่ 453 พฤศจิกายน 2552